อาการปวดหลัง – ผลจากเฟอร์นิเจอร์สำนักงานและบรรยากาศการทำงาน

fur-01

เราอาจไม่เคยสังเกตมาก่อนว่าในบางทีการทำงานก็คือการทำลายสุขภาพอย่างหนึ่ง ต่อให้เราดูแลสุขภาพตัวเองดีแค่ไหน จะเลือกกินอาหารสดสะอาด กินวิตามินอาหารเสริมครบถ้วน หรือออกกำลังกายทุกวันเป็นประจำ แต่หากเรายังต้องนั่งอุดอู้ทำงานวันละ 8 ชั่วโมงขึ้นไปอยู่ในห้องทำงานเฉยๆ โดยไม่ได้ขยับตัวไปไหนหรือเปลี่ยนบรรยากาศบ้างเลย การเพียรพยายามดูแลร่างกายทั้งหลายนั้นก็คงไม่ได้ช่วยอะไรนัก

59
ลองเริ่มต้นปรับสมดุลชีวิตในการทำงานด้วยการทดลองปรับเปลี่ยนมุมทำงานหรือออฟฟิศสักนิด ให้บรรยากาศเหมาะแก่การทำงานมากขึ้นอีกสักหน่อย อาจช่วยให้ร่างกายเจ็บป่วยน้อยลงและอย่างน้อยก็น่าจะทำให้จิตใจผ่องใส มีความสดชื่นกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้นด้วย
เฟอร์นิเจอร์สำนักงาน อาทิเช่น โต๊ะทำงานและคอมพิวเตอร์ ล้วนเป็นสาเหตุหลักของอาการปวดหลังปวดไหล่เลยทีเดียว การใช้โต๊ะกับเก้าอี้ที่มีระดับความสูงไม่เหมาะสม เช่นระดับเก้าอี้ต่ำเกินไปทำให้ต้องเอื้อมมือขึ้นมาบนโต๊ะทำงาน หรือระดับเก้าอี้สูงเกินไปจนต้องนั่งห่อไหล่โน้มตัวลงมาเพื่อทำงาน ก็จะทำให้เราเกร็งหลัง ไหล่ และคอโดยไม่รู้ตัว ซึ่งนอกจากเราจะปวดตามจุดดังกล่าวแล้ว ยังอาจลามไปปวดถึงกระบอกตาหรือกระทั่งปวดศีรษะอย่างรุนแรงได้ ลองปรับเปลี่ยนระดับเก้าอี้นั่งใหม่ให้ความสูงต่ำเหมาะกับสรีระของร่างกาย และอย่าลืมเปลี่ยนท่านั่งให้หลังตรง ให้ไหล่และคอผ่อนคลายเพียงพอ รวมถึงคอยขยับตัวยืดเส้นยืดสายทุกสามสิบนาทีเพื่อลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ
ลองปรับเปลี่ยนระดับเก้าอี้นั่งใหม่ให้ความสูงต่ำเหมาะกับสรีระของร่างกาย และอย่าลืมเปลี่ยนท่านั่งให้หลังตรง ให้ไหล่และคอผ่อนคลายเพียงพอ รวมถึงคอยขยับตัวยืดเส้นยืดสายทุก 30 นาทีส่วนการทำงานบนคอมพิวเตอร์ก็มักจะทำให้ต้องมีการเกร็งข้อมือจากการพิมพ์งานนานๆ ซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการนิ้วล็อกหรือเอ็นข้อมืออักเสบ ลองป้องกันอาการดังกล่าวด้วยการบริหารนิ้วและข้อมือด้วยการกำและแบมือสลับกันไปหรือจะบีบลูกบอลยางบริหารข้อมือก็ได้ ไม่เช่นนั้นอาจจะเลือกใช้คีย์บอร์ดและเมาส์ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อลดการวางมือผิดท่าก็ได้เช่นกัน
นอกจากนี้การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ก็อาจทำให้ตาแห้งและปวดตาได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่ควรจ้องหน้าจอนานเกินกว่าสองชั่วโมง หาโอกาสพักสายตาไปมองสิ่งอื่นๆ เช่นต้นไม้สีเขียวทุกๆ 30 นาที ปรับแสงและความคมชัดของหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม ไม่สว่างหรือมืดจนเกินไป เพราะถ้าหากจอมืดเกินไปเราก็จะเผลอเพ่งมองหน้าจอมากเกินไป และควรนั่งให้ห่างจากหน้าจอประมาณหนึ่งช่วงแขนในระดับเดียวกับสายตา เพื่อว่าเราจะได้ไม่โน้มตัวมองหน้าจอจนกระดูกสันหลังโค้งผิดรูปจนกลายเป็นนั่งผิดท่าไปด้วย

อุณหภูมิและอากาศ ล้างแอร์ตามกำหนดทุก 6 เดือน และควรป้องกันไม่ให้มีฝุ่นละอองในออฟฟิศมากเกินไปหากอากาศหนาวเสียจนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าก็คงไม่มีสมาธิในการทำงานเป็นแน่ แต่หากร้อนอบอ้าวจนเหงื่อแตกพลั่กๆ ก็อาจรู้สึกอ่อนเพลียไม่อยากทำงานได้ ดังนั้นอุณหภูมิควรจะพอดี ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป ไม่เช่นเราอาจเสียสมาธิหรืออาจถึงขั้นป่วยไข้ได้
นอกจากปรับอุณหภูมิแล้ว เราควรใส่ใจความสะอาดของอากาศด้วย ควรล้างแอร์ตามกำหนดทุก 6 เดือน และควรป้องกันไม่ให้มีฝุ่นละอองในออฟฟิศมากเกินไป ทั้งฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศหรือฝุ่นจากเครื่องถ่ายเอกสารกับปริ้นเตอร์ซึ่งล้วนแต่เป็นอันตรายต่อโพรงจมูกและปอด โดยควรติดเครื่องกรองอากาศให้อากาศสะอาดขึ้น เพื่อป้องกันและลดการระคายเคือง ไอจาม หอบหืด หรือภูมิแพ้
เปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนสถานที่ – ลองเปลี่ยนไปทำงานนอกสถานที่บ้าง นอกจากจะทำให้รู้สึกกระตือรือร้น อาจเจอแรงบันดาลใจใหม่ๆ ระหว่างทางด้วยการนั่งอุดอู้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ (หรือรูปทรงไหนก็ตาม) อาจทำให้อึดอัด หดหู่ ไม่แจ่มใส ยิ่งถ้าต้องทำงานที่อาศัยความคิดสร้างสรรค์หรือต้องระดมความคิดแล้ว การฝืนทำอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สดชื่นอาจทำให้ความคิดไม่แล่นสักเท่าไหร่นัก ลองเปลี่ยนไปทำงานนอกสถานที่บ้าง อย่างออกไปประชุมในร้านกาแฟในกรณีที่เนื้อหาประชุมไม่เป็นความลับ และเป็นประชุมเล็กๆ ไม่เอิกเกริกนัก เพราะนอกจากจะทำให้รู้สึกกระตือรือร้นและแอ็กทีฟขึ้นแล้ว ยังเป็นการออกกำลังกายและยืดเส้นยืดสายไปในตัว แถมอาจเจอแรงบันดาลใจใหม่ๆ ระหว่างทางด้วย
สัมผัสธรรมชาติการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อยู่แล้วสบายใจ ก็จะทำงานอย่างมีความสุขมากขึ้นลองเปิดม่านให้แสงแดดส่องเข้ามาในห้อง เปิดหน้าต่างให้ลมพัดผ่าน หรือไม่ก็หาไม้กระถางมาประดับออฟฟิศหรือโต๊ะทำงานบ้าง หากออฟฟิศมีที่มากพอจะจัดเป็นสวนหย่อมเล็กๆ เลยยิ่งดี เพราะอย่างที่รู้กันว่าธรรมชาติสามารถช่วยผ่อนคลายความเครียดได้เป็นอย่างดี และการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ที่อยู่แล้วสบายใจ เราก็จะรู้สึกปลอดโปร่งสบายใจและทำงานอย่างมีความสุขมากขึ้น
มนุษย์ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่จะนั่งทำงานนานๆ ได้โดยไม่มีหยุดพัก เพราะหากร่างกายอ่อนล้าก็อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ลองหยุดพักสักนิด ขยับร่างกายสักหน่อย สูดอาการบริสุทธิ์เข้าปอดลึกๆ สักหนึ่งครั้ง ดื่มน้ำสักสะอาดสักแก้ว นอกจากร่างกายจะสดชื่นขึ้นแล้ว ยังเป็นการเรียกสมาธิก่อนจะกลับมาลุยงานต่ออีกด้วย